ช่วงนี้ขับรถไปไหนมักจะเจอน้ำท่วมขัง หากพื้นที่น้ำท่วมสูงก็คงต้องหลีกเลี่ยงในการจะขับรถฝ่ากระแสน้ำไป เพราะไม่คุ้มแน่ หากน้ำเข้าห้องเครื่อง รถดับ รถสตาร์ทไม่ติด เสียค่าซ่อมบำรุง และค่าอะไหล่อีกเยอะแน่นอน แต่สำหรับบางพื้นที่จำเป็นต้องขับลุยน้ำท่วม และยังพอสามารถขับฝ่ากระแสน้ำไปได้อยู่ แต่เมื่อหลังจากขับลุยน้ำมาแล้ว ก็ต้องรีบทำการตรวจเช็ครถทันที เพื่อจะได้ป้องกันต้อตอที่จะก่อให้เกิดปัญหาตามมาได้
ตรวจเช็คเบรก
หลังจากเพิ่งขับรถฝ่าน้ำท่วมถนนมา อย่าเพิ่งรีบเหยียบคันเร่งจนมิดเพื่อใช้ความเร็วสูงทันที แต่จะต้องเช็คเบรกเสียก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าระบบเบรกยังคงสามารถใช้งานได้ปกติ เพราะเมื่อเบรกเปียกน้ำ มักจะสูญเสียการจับตัวและมีความลื่น ทำให้ระบบเบรกมักไม่ทำงาน หรือเสื่อมประสิทธิภาพเมื่อต้องใช้งาน ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ โดยจะต้องเหยียบเบรกสัก 2-3 ครั้ง เพื่อให้ผ้าเบรกกับจานเบรก หรือดรัมเบรกอยู่ในสภาพปกติ เสียก่อนแล้วจึงค่อยขับต่อไป
สังเกตเครื่องยนต์
เพราะน้ำมักจะกระเซ็นเข้าห้องเครื่องยนต์ได้ เสี่ยงต่อการขึ้นสนิม และอุปกรณ์อื่น ๆ เสื่อมประสิทธิภาพในการทำงาน หลังจากลุยน้ำท่วมจึงต้องสังเกตว่ามีสิ่งผิดปกติหรือไม่ เช่น เครื่องยนต์มีอาการกระตุก เร่งขึ้นไม่ขึ้น เสียงเครื่องยนต์ดังผิดปกติขณะขับ หรือสตาร์ทติดยาก สิ่งแรกที่ต้องทำคือ จอดรถ แล้วตรวจดูห้องเครื่อง โดยเริ่มจากก้านวัดระดับน้ำมันเครื่อง หากพบว่ามีสีเหมือนสีกาแฟใส่นม หรือสีนมขุ่น ๆ แสดงว่ามีน้ำเข้าเครื่องยนต์ ต่อมาจะต้องเช็ก ตัวกรองอากาศ เพราะหากน้ำเข้าทางนี้ กรองอากาศและท่อไอดีจะเปียก และถ้าพบว่ามีน้ำเข้าเครื่องยนต์ จะต้องรีบให้ช่างตรวจสอบและทำการแก้ไขให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันความเสียหายที่มากขึ้นกว่าเดิม
ตรวจสอบระบบอิเล็กทรอนิกส์ไฟฟ้า
รถยนต์ในปัจจุบันมักจะมีการใช้วัสดุทนน้ำ แต่ก็ไม่สามารถกันได้ดี 100% ยิ่งถ้าปริมาณน้ำมากอย่างการลุยน้ำท่วม ระบบต่าง ๆ โดยเฉพาะระบบไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ย่อมเกิดความเสียหายได้อย่างแน่นอน จึงจะต้องตรวจเช็กภายในกล่องฟิวส์ ว่ามีน้ำซึมผ่านเข้าไปหรือไม่ หากเกิดความเสียหายเบื้องต้น จะได้รีบเปลี่ยนฟิวส์ (โดยการอ้างอิงจากฝากล่องฟิวส์รถยนต์) และดูกล่องอีซียู หากพบว่าเปียกน้ำ จะต้องเช็ดให้แห้ง ก่อนที่จะสร้างความเสียหายมากขึ้น จนอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุระหว่างขับขี่รถได้
ตรวจสอบระบบไฟภายนอกรถ
หากพบว่าไฟต่าง ๆ ภายนอกตัวรถอยู่ในสภาพผิดปกติ ควรถอดขั้วต่อแบตเตอรี่ออก เพื่อรอให้ช่างตรวจสอบและประเมินอีกที
ห้ามลืมภายในห้องโดยสาร
เมื่อขับรถลุยน้ำท่วม อาจมีน้ำเข้ามาในภายห้องโดยสาร ท่วมพื้นรถ ผ่านตามส่วนที่เป็นซีลและรอยต่อต่าง ๆ ควรนำพรมปูพื้นออก และดูดน้ำ หรือเช็ด และทำการเป่าให้แห้ง ไม่ควรปล่อยให้น้ำขังภายในห้องโดยสารรถ หรือรอผลัดวันประกันพรุ่ง เพราะน้ำจะยิ่งกัดเซาะและสร้างความเสียหายให้กับอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในรถได้มากขึ้นเรื่อย ๆ และยังทำให้กลิ่นติดรถจนอาจกำจัดออกได้ยาก และอีกจุดที่ไม่ควรลืมตรวจเช็กเลย คือ โมดูลควบคุมถุงลมนิรภัยที่อยู่ใต้เบาะคนขับ อย่าให้มีความชื้นหรือเปียกเด็ดขาด รีบเช็ดให้แห้งหากพบว่าเปียกน้ำ
หลังจากขับรถลุยน้ำท่วมแล้วควรรีบทำการตรวจสอบส่วนต่าง ๆ ของรถทันที ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้เกิน 1-2 วัน เพราะจะยิ่งทำให้เกิดความเสียหายได้มากขึ้นจนแก้ไขได้ยากในอนาคต