Written by 8:22 am ตกแต่งบ้าน, มรดกและวัฒนธรรม

วิธีเลือกบ้านแบบ linear thinker, system thinker และ design thinker

เวลาที่คุณเลือกดูบ้านเพื่ออนาคต คุณดูปัจจัยใดเป็นปัจจัยหลัก แบบแปลนบ้าน สภาพแวดล้อม หรือความสะดวกต่อการเดินทางเป็นหลัก? สำหรับใครที่กำลังมองหาบ้านซักหลังแต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกอะไรอย่างไรดี ต้องมีปัจจัยอะไรบ้างมาพิจารณา ซึ่งต้องบอกเลยว่าเรื่องบ้านนี่เป็นเรื่องใหญ่มากๆ มีสารพัดปัญหาให้ต้องพิจารณาเต็มไปหมด ตั้งแต่ราคาบ้านจนถึงการปรับปรุงแก้ไข ตั้งแต่ปัจจัยภายนอกจนถึงหลังคาชั้นสอง เยอะแยะเต็มไปหมด แต่วันนี้ลองมาดูวิธีการดูบ้านหลังใหม่ของคุณด้วยวิธีการมอง 3 แบบนี้กัน linear thinker, design thinker และ system thinker

วิธีเลือกบ้านตามแนวคิด linear thinker

Linear thinker คือคนที่มีความคิดเชิงเส้นตรง มองสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนและคุ้นเคยเป็นหลัก หรือจะเรียกได้ว่าคนที่มีความคิดจากความรู้และประสบการณ์ที่เคยเกิดขึ้นก็ได้ โดยหลักๆ พวกเขาจะแบ่งสิ่งต่างๆ ออกเป็นส่วนเล็กๆ แล้วค่อยๆ โฟกัสส่วนเล็กๆ เหล่านั้นไปทีละส่วน

สำหรับคนที่มีแนวคิด linear thinker มักจะดูแบบแปลนบ้านเป็นหลัก บ้านต้องมีสัดส่วนแบบนี้ ทุกห้องต้องมีแสงสว่างอย่างเพียงพอ ไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป มีปลั๊กให้ใช้งานได้อย่างสะดวก

ข้อดีและข้อเสียของการมองแบบ linear thinker

คุณจะได้บ้านที่สะดวกสบายตอบโจทย์การใช้ชีวิตในปัจจุบันที่สุด และบ้านจะกลายเป็นคอมฟอร์ทโซนที่ดีที่สุดสำหรับคุณ แต่ข้อเสียก็คือข้อดีจะอยู่เพียงแค่ในบ้าน การไม่มองถึงภาพใหญ่ๆ อาจเกิดปัญหาได้ในอนาคต เช่น ที่จอดไม่เพียง เดินทางลำบาก สภาพแวดล้อมบริเวณบ้านไม่ตอบโจทย์ รวมถึงการแก้้ไขปรับปรุงบ้านในอนาคตอาจเกิดความยุ่งยากได้จากหลายๆ ปัจจัยที่ไม่ได้นำมาพิจารณาในตอนแรก

วิธีเลือกบ้านตามแนวคิด design thinker

Design thinker คือคนที่มีแนวคิดเชิงออกแบบ ซึ่งไม่ใช่ในเซนส์การออกแบบตกแต่งให้สวยงามเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการคิดถึงการออกแบบที่เอื้อต่อการอยู่อาศัยของผู้คนในบ้านด้วย โดยพวกเขาจะมองถึงความต้องการของคนในบ้าน ลักษณะการใช้ชีวิตก่อนปัจจัยอื่นๆ 

การออกแบบบ้านโดยเน้นช่องลม ช่องแสง พื้นที่การทำกิจกรรมร่วมกันของคนในบ้าน พื้นที่ส่วนตัวของสมาชิก หรือแม้กระทั่งการติดระบบไฟฟ้าแบบโซล่าร์เพราะมองถึงความประหยัดในระยะยาวก็ถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่นี้เช่นกัน

ข้อดีและข้อเสียของการมองแบบ design thinker

การโฟกัสไปที่ความต้องการของคุณในบ้านเป็นหลักถือว่าเป็นปัจจัยหนึ่งที่เราใช้ในการพิจารณา ซึ่งนอกจากจะตอบโจทย์ปัจจุบันแล้วยังสวยงามอีกด้วย แต่ความผิดพลาดที่พบได้บ่อยที่สุดคือการสร้างคำตอบก่อนที่จะมีปัญหา และอาจจะไม่ได้มองปัญหาแบบองค์รวม ซึ่งอาจเกิดเป็นปัญหาในระยะยาวได้เช่นกัน เช่น การติดแผงโซลาร์เซลล์เพราะคิดว่าจะประหยัดในอนาคต แต่ลืมคำนึงถึงค่าบำรุงรักษาในอนาคตหรือสภาพแวดล้อมรอบๆ ที่อาจมีตึกบังที่ในบางฤดูกาลอาจไม่มีแสงแดดมาถึง ซึ่งหากเป็นอย่างนั้นคุณก็อาจจะต้องแบบรับค่าบำรุงรักษาแบบเปล่าๆ ไปซักระยะในแง่ดี หรือโชคร้ายหน่อยก็อาจต้องรื้อทิ้งทั้งๆ ที่ยังไม่คุ้มต้นทุน เพราะมีตึกบังแสงแดดมากเกินไป

วิธีเลือกบ้านตามแนวคิด system thinker

System thinker หรือผู้ที่มีแนวคิดเชิงระบบ คือผู้ที่มองระบบใหญ่เป็นสำคัญ และมองว่าสภาพแวดล้อมสำคัญกว่าตัวบ้านที่มีไว้ซุกหัวนอนเป็นหลัก บางครั้งแปลนบ้านอาจจะไม่สำคัญเท่าวัสดุ เพราะจำเป็นต้องใช้วัสดุที่มีคุณภาพเพื่อให้สามารถใช้ได้ยาวนาน เพราะการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงในส่วนที่เสื่อมโทรมในอนาคตมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าอย่างแน่นอน วัสดุบางชนิดไม่สามารถใช้ได้เพราะรีไซเคิลไม่ได้หรือในนระยะยาวอาจมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นอันตรายต่อคนในบ้าน

หากคุณมองว่าบ้านแบบไหนๆ ก็เหมือนกัน สำคัญที่เพื่อนบ้านเป็นอย่างไร มีเสียงรบกวนบริเวณรอบๆ หรือไม่ การเดินทางจากที่ทำงานถึงบ้าน จากบ้านไปโรงเรียน ไปตลาด ไปห้างสรรพสินค้าก็สำคัญไม่แพ้สภาพแวดล้อมรอบๆ บ้านเลย คุณอาจเป็นคนที่มีแนวคิดเชิงระบบก็เป็นได้

ข้อดีและข้อเสียของการมองแบบ system thinker

การมองแบบเชิงระบบในระยะยาวคือทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ละในระยะการวางแผนอาจเกิดอัมพาตได้ การตัดสินใจที่ต้องพิจารณาหลายอย่างมากเกินไปทำให้การตัดสินล่าช้า ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบริบทโดยรวมได้ เช่นค่าวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้น หรือการเลื่อนชั้นของลูกๆ ที่การเดินทางเปลี่ยนแปลง และสุดท้ายก็กลับไปวนลูปใหม่ 

แล้ววิธีเลือกบ้านแบบไหนเหมาะที่สุด?

คำตอบก็คือทั้ง 3 อย่าง องค์ประกอบทั้ง 3 แนวคิดจะช่วยให้คุณสามารถเลือกบ้านที่เหมาะและตอบโจทย์ในทุกๆ คำถาม เพราะสุดท้ายไม่ว่าสภาพแวดล้อมจะดีขนาดไหน แต่บ้านไม่น่าอยู่ก็เท่านั้น หรือบ้านน่าอยู สภาพแวดล้อมก็ดี เดินทางก็สะดวก แต่อากาศในบ้านไม่ถ่ายเท ค่าแอร์กลายเป็นเรื่องน่ากังวลใหม่ หรืออยู่ติดกับที่ๆ มีการใช้ปริมาณน้ำสูงจนทำให้บางครั้งน้ำไม่ไหล หรือไหลไม่แรงจนไม่สามารถใช้อะไรได้ก็จะทำให้เกิดปัญหาในระยะยาวได้เช่นกัน

การเลือกบ้านที่ดีที่สุดก็ควรต้องมีทั้งลักษณะภายในบ้านที่สวยงามน่าอยู่ ปัญหาความร้อน/น้ำ สามารถแก้ไขได้ง่ายเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และปัจจัยภายนอก (บ้าน) อื่นๆ ก็ควรเป็นปัจจัยหลักที่ต้องนำมาพิจารณาควบคู่กันไปด้วย

สุดท้ายก็ขอให้ทุกคนมีบ้านแห่งอนาคตที่ตอบโจทย์ทั้งตอนนี้และระยะยาว กลายเป็นพื้นที่พักผ่อนและสร้างครอบครัวได้อย่างราบรื่นกันนะครับ

(Visited 48 times, 1 visits today)
Close