การลงทุนทองคำ ถือว่าเป็นอีกช่องทางที่คุ้มค่า แถมยังมีความเสี่ยงน้อยกว่าการเล่นหุ้น แต่นักลงทุนมือใหม่หลายคนอาจไม่แน่ใจ หรือแม้แต่นักลงทุนหน้าเก่าก็แอบลังเลเป็นบางครั้ง จะปักใจที่การลงทุนทองคำแท่งหรือทองรูปพรรณดีกว่า แต่ก่อนที่จะไปดูว่าลงทุนแบบไหนคุ้มค่ากว่ากัน ควรทำความเข้าใจในเรื่องของทองคำแท่ง และ ทองรูปพรรณกันก่อน

ทองคำแท่ง
นักลงทุนนิยมซื้อทองคำแท่งเพื่อการลงทุน คือ ทองคำแท่ง 96.55 รองลงมาจึงจะเป็นทองคำแท่ง 99.99% โดยจะซื้อขั้นต่ำกันตั้งแต่ 1 บาท 2 บาท 5 บาท 10 บาท ไปจนถึงทองคำแท่ง 1 กิโลกรัม

ทองรูปพรรณ
ทองรูปพรรณบริสุทธิ์มีให้เลือกซื้อ 2 แบบด้วยกัน ได้แก่ทองรูปพรรณ 96.5% และ 99.99% โดยทั่วไป คนนิยมซื้อทองรูปพรรณเพื่อสวมใส่เป็นเครื่องประดับ หรือเพื่อความสวยงาม
แล้วลงทุนทองคำแบบไหนคุ้มค่ากว่ากัน
หากต้องการซื้อทองเก็บเพื่อการลงทุนจริง ๆ การเลือกซื้อทองคำแท่งเก็บไว้ค่อนข้างจะคุ้มกว่าทองรูปพรรณ ดังนี้

1. ทองคำแท่งมีน้ำหนักหน่วยกรัมเยอะกว่า
ทองคำแท่งมีน้ำหนักไม่ต่างจากทองคำรูปพรรณ โดยเริ่มตั้งแต่ 1 กรัม ครึ่งสลึง 1 สลึง 2 สลึง 5 บาท 10 บาท ฯลฯ แต่ในหน่วยกรัม ทองคำจะมีน้ำหนักเยอะกว่าทองรูปพรรณเล็กน้อย คือ ทองคำแท่ง หนัก 15.244 กรัม ในขณะที่ทองรูปพรรณ หนัก 15.16 กรัม

2. ทองแท่งมีค่าบล็อกถูกกว่าค่ากำเหน็จทองรูปพรรณ
ทองคำแท่งมีค่าแรง (ค่าบล็อก) ต่ำกว่าทองรูปพรรณ เนื่องจากมีขั้นตอนการผลิตน้อยและง่ายกว่า เพราะไม่ได้ถูกแปรรูปเป็นเครื่องประดับ โดยทองแท่งน้ำหนักน้อยกว่า 5 บาท จะเสียค่าบล็อคราคาเฉลี่ย ประมาณ 100 – 200 บาท เมื่อไปซื้อทองในขนาดที่เท่ากัน เช่น ทองคำแท่ง 1 บาท กับสร้อยคอทองคำ 1 บาท ราคารวมของสร้อยคอจะแพงกว่าประมาณ 500 – 600 บาท แต่ถ้าซื้อทองแท่งขนาด 5 บาทขึ้นไป จะไม่มีค่าบล็อค

3. ทองแท่งขายได้ราคาดีกว่าทองรูปพรรณ
ทองแท่งมักจะขายได้ราคาดีกว่าทองรูปพรรณ เนื่องจากไม่ค่อยโดนหักค่าเสื่อมสภาพ 5% (ตามกำหนดของสมาคมค้าทองคำ) อีกทั้งไม่ต้องสกัดน้ำประสานทองออกตอนหลอม ต่างจากทองรูปพรรณ ทำให้ทองแท่งสามารถนำไปขายต่อได้เรื่อย ๆ โดยไม่ต้องกังวลการขาดทุน

4. ทองแท่งซื้อถูกกว่าแต่ขายได้แพงกว่าทองรูปพรรณ
ส่วนต่างราคารับซื้อและราคาขายออกทองแท่ง อยู่ที่ประมาณ 50 – 100 บาทเท่านั้น ในขณะที่ราคาของทองรูปพรรณจะต่างกันประมาณ 500 – 1,000 บาท สรุปคือ ตอนซื้อทองแท่งราคาถูกกว่า แต่นำไปขายได้แพงกว่าทองรูปพรรณนั่นเอง

5. ทองแท่งขายได้ทั่วโลก
ทองแท่งขายออกง่ายกว่าทองรูปพรรณ โดยสามารถขายทองคำแท่งได้ทั่วโลก แต่ต้องเป็นทองคำ 99.99% เพราะเป็นระดับมาตรฐานโลก ส่วนในประเทศไทยจะนิยมทองคำ 96.5% แต่บางประเทศนิยมทอง 90% หรือ 75% (18K) เพราะมีความแข็งแรง สามารถฝังพวกอัญมณีอย่าง เพชร หรือพลอยได้ ส่วนใหญ่นิยมใช้ในวงการจิวเวลรี่

6. ทองแท่งซื้อ – ขายต่างร้านได้
สามารถซื้อทองคำแท่งร้านใดก็ได้ โดยไม่จำกัดสถานที่ แต่ต้องเป็นแหล่งจำหน่ายทองมีมาตรฐาน เป็นสมาชิกสมาคมค้าทองคำ และทองจะต้องมียี่ห้อ มีใบรับประกันสินค้า และเมื่อจะขายทอง สามารถขายต่างร้านหรือแหล่งรับซื้อที่ไหนก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องนำไปขายร้านเดิมที่ซื้อมา เพียงแต่ทองจะต้องไม่ชำรุด หักหรือบิ่น น้ำหนักไม่หาย เปอร์เซ็นต์เต็ม มีใบรับประกัน ก็จะได้ราคารับซื้อเต็ม

7. ทองแท่งเหมาะกับการซื้อเพื่อเก็งกำไร หรือเก็บไว้เป็นมรดก
นักลงทุนส่วนใหญ่นิยมซื้อทองคำแท่งไว้เก็งกำไร แต่มีอีกหลายคนที่ซื้อทองแท่งไว้เป็นทรัพย์สิน มรดกตกทอดแก่ลูกหลาน หรือซื้อเป็นของขวัญ เป็นต้นทุนให้กับตนเองหรือให้ลูกหลานในอนาคต ทองแท่งจึงเหมาะกับคนที่ต้องการซื้อทองไว้เก็บมากกว่าซื้อทองไว้สวมใส่เพื่อความสวยงาม

8. ทองแท่งนิยมใช้ในการลงทุน “ออมทอง”
ทองคำแท่งมักจะถูกนำไปใช้ในการลงทุน ออมทอง คือ เงินที่ลูกค้าเก็บออมไว้ในแต่ละเดือน จะถูกนำไปซื้อทองคำแท่ง ทำให้เมื่อขายทุนออกจะได้ราคาทองคำแท่ง หรือเมื่อจะซื้อคืนก็ได้ราคารับซื้อทองคำแท่งเช่นกัน